ดาวเตะทีมชาติ แมนยู ทำเซอร์ไพรส์เล็งดึงแข้ง เชลซี เสริมเกมรุกก่อนปิดตลาด
ดาวเตะทีมชาติ มีรายงานว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังให้ความสนใจและติดตามสถานการณ์ของ ฮาคิม ซิเย็ค ปีกของ เชลซี คู่แข่งใน พรีเมียร์ลีก อย่างใกล้ชิดอยู่ในขณะนี้ และมีสิทธิ์ที่พวกเขาจะคว้าตัวมาร่วมทีมก่อนปิดตลาดซื้อขาย ดาวเตะทีมชาติโมร็อคโคเคยร่วมงานกับ เอริค เทน ฮาก ที่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เป็นเวลา 2 ปีครึ่งก่อนที่จะถูก สิงห์บลู ซื้อมาร่วมทีมเมื่อปี 2020 ด้วยค่าตัว 33 ล้านปอนด์
อย่างไรก็ตาม ซิเย็ค ไม่สามารถระเบิดฟอร์มเก่งได้ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ และส่วนใหญ่ได้ลงสนามเป็นตัวสำรอง โดยได้ออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงเพียง 29 นัดตลอด 2 ปีที่ค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก ดีน โจนส์
นักข่าวชื่อดังได้กล่าวผ่านเว็บไซต์ ว่า ด้วยการที่มีข่าวว่าแข้งโมร็อคโคอาจจะย้ายทีมในซัมเมอร์นี้ โดยมี เอซี มิลาน ที่ให้ความสนใจ ก็มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะอยู่ในเรด้าร์ของอดีตนายเก่าอย่าง เทน ฮาก ซึ่งตอนนี้คุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยเช่นกัน
สำหรับทีม ปีศาจแดง นั้นพวกเขากำลังเข้าใกล้การได้ตัว 2 นักเตะอย่าง แฟรงกี้ เดอ ยอง ที่สามารถตกลงเรื่องค่าตัวกับทาง บาร์เซโลนา ได้แล้ว เหลือเพียงการตัดสินใจจากนักเตะ ส่วนอีกรายเป็น ลิซานโดร มาร์ติเนซ อดีตลูกทีมของ เทน ฮาก ที่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
คูลิบาลี อาจเป็นสถิติ จัดอันดับ 10 เซ็นเตอร์ที่ย้ายมาร่วมทีม เชลซี ด้วยค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร เรียกได้ว่าเหลือแค่รอเปิดตัวเท่านั้นสำหรับรายของ คาลิดู คูลิบาลี ปราการหลังชาวเซเนกัลของ นาโปลี ที่กำลังจะย้ายมาเป็นนักเตะใหม่ของ เชลซี คนต่อไปในฤดูกาลที่กำลังจะถึง
ตามข่าวที่ออกมาระบุว่าเซ็นเตอร์วัย 31 ปีรายนี้จะมีค่าตัวสูงถึง 40 ล้านยูโรหรือที่ราว 34 ล้านปอนด์เลยทีเดียว วันนี้เราจึงอยากพาแฟน ๆ 90MiN ไปชมกันว่าตลอดเวลาที่ผ่านมามีปราการหลังตัวกลางคนใดบ้างที่ย้ายมาร่วมทีม สิงโตน้ำเงินคราม ด้วยค่าตัวสูงที่สุด ตามไปชมกัน รอบชิงชนะเลิศ
กองหลังชาวบราซิลที่ เชลซี ซื้อตัวมาจาก ซานโตส ตั้งแต่ปี 2004 ก่อนจะปล่อยต่อให้ พีเอสวี ยืมใช้งานถึง 3 ฤดูกาลและมาอยู่กับทีมแบบเต็มตัวเมื่อปี 2007 โดยเจ้าตัวมีจุดเด่นในการเล่นลูกเซ็ตเพลย์ที่เท้าหนักสุด ๆ คนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่น่าเสียดายที่เกมรับยังไม่แน่นอนมากพอจะยึดตัวหลักในทีมอย่างถาวร กระทั่งปี 2012 ก็ถูก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง คว้าตัวไป
ปราการหลังทีมชาติสาธารณรัฐเช็กที่หลายคนคงงสงสัยว่าเคยอยู่ เชลซี ด้วยหรือ ? โดยเจ้าตัวย้ายจาก ซีเอสเคเอ คอสโคว มาร่วมทีมเมื่อต้นปี 2005 แต่กลับไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงได้ก่อนจะโดยปล่อยยืมตัวทันทีในอีก 6 เดือนต่อมา และตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม กลาสโกว เซลติก แบบถาวรช่วงหน้าร้อนปี 2006 https://crescentpointegolf.com
ทูเคิล ไม่ชัวร์ ลูกากู มีโอกาสกลับ เชลซี มากแค่ไหน
โธมัส ทูเคิล นายใหญ่ของ เชลซี ระบุว่า โรเมลู ลูกากู ยังมีโอกาสที่จะกลับมายังต้นสังกัดแม่ของตัวเอง ส่วนจะมากหรือน้อยเพียงใดนั้น เขาเองก็ไม่อาจทราบได้ กองหน้าชาว เบลเยี่ยม ย้ายกลับมายัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อซัมเมอร์ที่แล้วด้วยค่าตัว 97 ล้านปอนด์จาก อินเตอร์ มิลาน แต่หลังมีฤดูกาลที่ไม่น่าจดจำนัก เขาจึงตัดสินใจย้ายกลับไปยัง ซาน ซิโร
ด้วยสัญญายืมตัว พร้อมประกาศก้องว่ามีความสุขเป็นอย่างมากและเป็นการตัดสินใจที่ผิดถนัดกับการย้ายไปยัง พรีเมียร์ลีก สำหรับทางฟากของ ทูเคิล เองก็เพิ่งจะได้ตัว ราฮีม สเตอร์ลิ่ง มาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผู้เล่นที่เขายืนยันว่ามีความยืดหยุ่นและโดดเด่นเรื่องการเคลื่อนที่มากกว่า ลูกากู ส่วนโอกาสที่แข้งวัย 29 ปีจะกลับมาหลังสิ้นสุดสัญญายืมตัวนั้น เขาเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด
“เราตัดสินใจร่วมกันกับเจ้าของทีมว่าจะปล่อยเขาไป” กุนซือชาว เยอรมัน กล่าว “ตอนนี้เราได้ตัว ราฮีม สเตอร์ลิ่ง มาร่วมทีม ซึ่งทำให้เรามีความยืดหยุ่นสูงขึ้น เขามีความคล่องตัวสูงและทำให้เรามีตัวเลือกในแนวรุกมากขึ้น”
“ด้วยความจริงที่ว่าเขาย้ายไปแบบยืมตัว แน่นอนว่ามันก็มีโอกาส( ที่ ลูกากู จะกลับมา) แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นไปได้มากหรือไม่ มันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้”
ลูกากู ระบุชัดคิดผิดถนัดย้ายซบ เชลซี ซัมเมอร์ที่แล้ว โรเมลู ลูกากู กองหน้าชาว เบลเยี่ยม ยอมรับว่าเขาทำผิดพลาดที่คิดย้ายออกจาก อินเตอร์ มิลาน เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา พร้อมยืนยันว่าความท้าทายที่ยิ่งใหญ่แท้จริงแล้วอยู่ที่ อิตาลี
ระหว่างช่วงถาม-ตอบในงานอีเวนท์เปิดตัวเสื้อแข่งชุดใหม่ของสโมสร หัวหอกวัย 29 ปีถูกยิงคำถามว่าอะไรกันที่เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาในฐานะของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ซึ่ง ลูกากู ก็เลือกที่จะตอบคำถามชนิดที่ไม่เกรงใจต้นสังกัดแม่ของตัวเองอย่าง เชลซี เลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่การกลับมายัง กัลโช เซเรีย อา ของเขาเป็นเพียงแค่สัญญายืมตัวชั่วคราวปีเดียวเท่านั้นเอง
“ที่นี่ไง(คือความท้าทาย) รู้ไหม ผมจากไป มันเป็นความผิดพลาด สิ่งที่เราทำร่วมกันในห้องล็อกเกอร์และในสนาม ความสัมพันธ์ที่เรามีต่อกันและกันนั่นเป็นสิ่งสำคัญจริงๆ” “อินเตอร์ ให้โอกาสผม โอกาสในการเล่นในระดับที่สูงขึ้นในอาชีพการงานของผม ผมมีความสุขมากที่ได้สวมเสื้อตัวนี้ เราหวังว่าจะเติบโตต่อไปเหมือนในปีที่ผ่านๆมา เราต้องเป็นแบบนี้ต่อไปหากต้องการไปให้ถึงเป้าหมาย” มวย วันนี้
เชลซี บรรลุข้อตกลงคว้าตัว คาลิดู คูลิปาลี จาก นาโปลี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมเดินหน้าล่า 2 กองหลังต่อเนื่องทันที
สื่อดังหลายสำนักรายงานตรงกันว่า เชลซี บรรลุข้อตกลงคว้าตัว คาลิดู คูลิบาลี กองหลังวัย 31 ปีจาก นาโปลี มาร่วมทีมเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่ เชลซี กำลังมองหากองหลังเข้ามาแทนที่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ อันเดรส คริสเตนเซน ที่อำลาทีมไป ดูเหมือนว่าในที่สุดพวกเขาจะได้เซ็นเตอร์แบ็ครายแรกมาร่วมทีมเป็นที่เรียบร้อย
โดยดีลดังกล่าวตกลงกันที่ 40 ล้านยูโรพร้อมกับเซ็นสัญญายาว 4 ปีรับค่าเหนื่อยที่ 10 ล้านยูโรต่อปี และจะเดินทางไปตรวจร่างกายและสบทบกับเพื่อนร่วมทีมที่สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ฟาบริซิโอ โรมาโน ยังเผยอีกว่า เชลซี กำลังทำงานอย่างหนักในการคว้าตัว เนธาน อาเก้ กองหลังจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมถึง เพลสเนล คิมเพมเบ้ จาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มาร่วมทีม ส่วนด้าน มัตไธจ์ เดอ ลิกต์ ก็ใกล้จะย้ายไปร่วมทีม บาเยิร์น มิวนิค เต็มที่แล้วด้วยเช่นกัน
เชลซี เปิดตัว ราฮีม สเตอร์ลิง มาร่วมทีมอย่างเป็นทางการ เชลซี ประกาศเปิดตัว ราฮีม สเตอร์ลิง ตัวรุกจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 47.5 ล้านปอนด์อย่างเป็นทางการ หลังจากตกเป็นข่าวกันมาพักใหญ่ ล่าสุดหัวหอกดีกรีทีมชาติอังกฤษก็บินมาเปิดตัวกับต้นสังกัดใหม่ถึงสหรัฐอเมริการะหว่างการทัวร์ปรีซีซั่น โดยจะเซ็นสัญญา 5 ปีซึ่งนับเป็นนักเตะรายแรกที่ย้ายมาอยู่กับ สิงห์บลู อย่างเป็นทางการซัมเมอร์นี้
โดยเจ้าตัวกล่าวว่า “ก่อนอื่นผมยินดีอย่างมากที่ย้ายมาที่นี่ แม้ว่าผมจะประสบความสำเร็จมากมายก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังคงมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ ซึ่งผมก็ตั้งตารอที่จะได้ทำมันร่วมกับ เชลซี”
“ลอนดอนคือบ้านของผม มันคงเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมถ้าได้เล่นต่อหน้าเพื่อน ๆ รวมถึงครอบครัวที่นั่น และผมใจจดใจจ่อกับการได้ลงเล่นใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ และแน่นอนผมต้องขอบคุณ ท็อดด์ โบห์ลี โธมัส ทูเคิล และอีกหลาย ๆ คนในการทำให้ผมได้ย้ายมาเล่นที่นี่ ผมแทบรอไม่ไหวที่จะได้ลงเล่นและพิสูจน์สิ่งที่ผมได้พูดไปในสนาม”