สู้ไหวมั้ย ลิเวอร์พูลต้องเดินหน้าเพื่อลุ้นคว้าแชมป์รายการที่สองในฤดูกาลนี้ โดยมีคิวปะทะกับเชลซี ที่สนามเวมบลีย์ รอบชิงชนะเลิศ ศึกเอฟเอคัพ
สู้ไหวมั้ย ลิเวอร์พูลต้องเดินหน้าเพื่อลุ้นคว้าแชมป์รายการที่สองในฤดูกาลนี้ โดยมีคิวปะทะกับเชลซี ที่สนามเวมบลีย์ รอบชิงชนะเลิศ ศึกเอฟเอคัพ วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม โดยงานนี้พวกเขาต้องเจอกับปัญหาใหญ่เมื่อไม่มี ฟาบินโญ่ คอยคุมแดนกลาง
เพราะติดปัญหาบาดเจ็บ ขณะที่ เชลซีผู้เล่นแทบจะฟูลทีมที่ลุ้นหนักหน่อยก็แค่ มาเตโอ โควาซิช เท่านั้น สำหรับโทรฟี่รายการนี้ทั้งสองทีมต้องการอย่างมาก โดยหงส์แดง อยากได้เพื่อนำไปสู่การสานฝันคว้า 4 แชมป์ในซีซั่นนี้ ส่วน เชลซี ต้องการนำแชมป์
เพื่อชดเชยให้กับแฟนบอลหลังทีมเจอปัญหาภายนอกรุมเร้าในช่วงที่ผ่านมา ขาด ฟาบินโญ่ ขาดใจไหม ? ถือว่าเป็นข่าวร้ายจริงๆ สำหรับลิเวอร์พูล เพราะพวกเขาไม่มี ฟาบินโญ่ คอยทำหน้าที่คุมเกมแดนกลางในนัดชิงเอฟเอคัพ
เนื่องจากนักเตะได้รับบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อหลังหัวเข่า นั่นถือเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากๆ ในการสู้กับแผงมิดฟิลด์ที่แข็งแกร่งของเชลซี จะเห็นได้ว่าตลอดฤดูกาลนี้ ดาวเตะชาวบราซิเลียน เป็นคีย์แมนสำคัญที่ทำให้แดนกลาง หงส์แดงเล่นได้อย่างแข็งแกร่ง
ฉะนั้นการที่พวกเขาขาด ฟาบินโญ่ ในแมตช์สำคัญนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เสียหายอย่างมาก และคล็อปป์ จำเป็นต้องหาทางอุดช่องโหว่นี้ให้ได้ ไม่งั้นลิเวอร์พูล มีปัญหาหนักแน่ มีความเป็นไปได้ว่านายใหญ่ชาวเยอรมัน คงจะเลือกใช้งาน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
ให้เข้ามาทำหน้าที่แทนฟาบินโญ่ ซึ่งเจ้าตัวก็เคยเล่นในบทบาทโฮลดิ้งมิดฟิลด์มาแล้วหลายเกม ล่าสุดก็แมตช์ที่บุกเฉือน แอสตัน วิลล่า ในเกมลีกเมื่อช่วงกลางสัปดาห์นี้ งานนี้ “เฮนโด้”, ติอาโก้ อัลกันทาร่า และ นาบี เกอิต้า ต้องช่วยงานกันในการปิดเกม
แดนกลางของเชลซี เพราะหากทั้งสามคนสามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ในแมตช์นี้ ก็มีโอกาสสูงที่จะจัดการกับแผงมิดฟิลด์ที่ดุดันของ “สิงห์บลูส์” ได้ เชลซีพร้อมแก้แค้น ลูกทีมของโธมัส ทูเคิ่ล ต้องบอกว่าแทบจะฟูลทีม โดยเหลือแค่ลุ้นว่า มาเตโอ โควาซิช
จะฟิตทันในเกมนี้หรือเปล่า ซึ่งหากลงไม่ได้จริงๆ พวกเขาก็ยังมี รูเบน ลอฟตัส-ชีค ที่สามารถลงมาเล่นทดแทนได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนอีกคนที่ต้องลุ้นก็คือ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ แต่คาดว่าน่าจะพร้อมลงสนามในแมตช์นี้ ทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม”
พกความแค้นมาเต็มกระเป๋า เนื่องจากพวกเขาเพิ่งจะเจ็บช้ำระกำใจจากการพ่ายดวลจุดโทษลิเวอร์พูล ชวดแชมป์ คาราบาว คัพ เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผลงานในแมตช์นั้นต้องยอมรับว่า เชลซี เล่นได้อย่างโดดเด่น และมีบางช่วงที่สามารถกดหงส์แดง จนแทบโงหัวไม่ขึ้น
แต่สุดท้ายการตัดสินด้วยการยิงจุดโทษต้องอาศัยความนิ่งผสมกับโชคชะตาฟ้าลิขิต ฉะนั้นในเกมนัดนี้เชื่อว่าบรรดาแข้ง “สิงโตน้ำเงินคราม” คงหวังเผด็จศึกคู่แข่งให้ได้ภายใน 90นาที งานนี้หากแดนกลางของเชลซี ได้ทั้ง ก็องเต้ และโควาซิช ลงทำหน้าที่คุมเกม
ต้องบอกว่าลิเวอร์พูล งานหนักแน่นอน เพราะทั้งสองคนเคยเล่นงาน “เดอะ เร้ดส์” มาแล้วทั้งในเกมลีก และคาราบาวคัพ ผลบอลสด7m
พวกเขาต้องเจอกับปัญหาใหญ่เมื่อไม่มี ฟาบินโญ่ คอยคุมแดนกลางเพราะติดปัญหาบาดเจ็บ
สู้ไหวมั้ย มาเน่ ตัวแสบที่ เชลซี ต้องระวัง, เม้าน์ท ก็พร้อมสังหาร แนวรุกของลิเวอร์พูล ต้องบอกเลยว่าอันตรายสุดๆ ทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ หลุยส์ ดิอาซ แต่สำหรับนักเตะที่บรรดาแข้ง เชลซี ต้องระมัดระวังให้ดีๆ นั่นก็คือ ซาดิโอ มาเน่ เพราะนี่คือผู้เล่นที่มักจะพิฆาต “สิงห์บลูส์” อย่างแท้จริง
“บังโม” แม้ว่าจะเป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกในเวลานี้ก็ตาม โดยตะบันในลีก 22 ประตู และซัดรวมทุกรายการในซีซั่นนี้ 30 ลูกแต่ช่วงหลังๆ นักเตะฟอร์มฝืดมากๆ จนบางเกม คล็อปป์ ต้องดร็อปเป็นตัวสำรอง ขณะที่ ดิอาซ ยังคงอันตรายในทุกครั้งที่บอลอยู่กับเท้า ที่สำคัญ
ดาวเตะชาวโคลอมเบีย ถือเป็นแข้งที่สามารถพลิกเกมให้กับ “หงส์แดง” ได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม มาเน่ คือผู้เล่นที่ ทูเคิ่ล ต้องกำชับลูกทีมให้จับตาดูเป็นอย่างดี เนื่องจากสถิติของเขาในยามพบกับเชลซี โดดเด่นมากๆ โดยนักเตะซัดไป 6 ประตูเมื่อทั้งสองทีมได้เจอกัน
นับตั้งแต่ที่ย้ายมาเล่นกับ “เดอะ เร้ดส์” เมื่อซีซั่น 2016/2017 และตอนนี้ไม่มีนักเตะคนไหนในทีมที่จะยิงได้มากกว่าเขาในการดวลกับสิงห์บลูส์ อย่างไรก็ตาม ยอดทีมแห่งถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ก็มีจุดเด่นในแนวรุกทั้ง เมสัน เม้าน์ท,ไค ฮาแวร์ตซ์ และโรเมลู ลูกากู ที่ร้อนแรงสุดๆ เซ็นสัญญาใหม่
สู้ไหวมั้ย โดยในรายของ เม้าน์ท ตอนนี้ฟอร์มกำลังเข้าฝักมากๆ ล่าสุดยิงและแอสซิสต์ในเกมถลุง ลีดส์ เมื่อกลางสัปดาห์ ส่วน ลูกากู ก็ผลงานดีซัด 3 ประตูจากสองเกมล่าสุดด้วย ฉะนั้นนี่คือทีเด็ดที่ คล็อปป์ แอนด์โค. ต้องระวังให้ดีๆ เช่นกัน เฮนโด้ลุ้นสร้างสถิติสุดยิ่งใหญ่
เรื่องสถิติส่วนตัวอาจจะไม่ได้อยู่ในหัวของนักเตะทั้งสองทีม แต่สำหรับแมตช์นี้ถือว่ามีความหมายอย่างมากสำหรับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เพราะถ้าเขาสามารถนำโทรฟี่แชมป์ชูขึ้นเหนือศีรษะนั่นหมายถึงการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับตัวเองเลยทีเดียว
ถ้าหงส์แดง สามารถปราบ เชลซีได้ในเกมที่สนามเวมบลีย์ วันเสาร์นี้ได้ “เฮนโด้” จะกลายเป็นกัปตันทีมคนแรกของลิเวอร์พูล ที่ได้ชูถ้วยแชมป์ 6 รายการสำคัญซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีกัปตันทีมคนไหนของหงส์แดง เคยทำได้เลย
เฮนเดอร์สัน มีโอกาสได้ชูถ้วยแชมป์มาแล้วในฐานะผู้นำทัพ “เดอะ เร้ดส์” ได้แก่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ และ คาราบาว คัพ ฉะนั้นเหลือโทรฟี่เอฟเอ คัพ ที่เขายังไม่ได้สัมผัส และครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญของเจ้าตัวที่จะทำได้
นอกจากการสร้างประวัติศาสตร์ของ เฮนเดอร์สัน แล้ว แมตช์นี้จะเป็นการดวลกันครั้งแรกของสองกุนซือชาวเยอรมันอย่าง คล็อปป์ และ ทูเคิ่ล ในศึกฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และหากคนใดคนหนึ่งได้แชมป์ก็จะเป็นชาวด๊อยท์ชคนแรกที่ได้โทรฟี่ใบนี้
ลุ้น 4 แชมป์แบบเบาๆ, เชลซีต้องการเกียรติยศ เรื่องการลุ้นความสำเร็จคว้า 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ของลิเวอร์พูล ค่อยๆ เงียบลงไปเยอะ หลังจบเกมที่เสมอ สเปอร์ส ทำให้ตอนนี้พวกเขาตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3 คะแนน แถมประตูได้เสียเป็นรองบานเบอะด้วย
ที่สำคัญ “เรือใบสีฟ้า” มีคิวดวล เวสต์แฮมยูไนเต็ด สุดสัปดาห์นี้ ถ้าชนะก็ทิ้งห่างหงส์แดง ไปอีก 6แต้ม แต่แข่งมากกว่า 1นัด ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่นักเตะลิเวอร์พูลต้องจำให้ขึ้นใจก็คือเรื่องสมาธิในการเล่นเกมเอฟเอ คัพ โดยไม่ต้องไปสนใจเรื่องการลุ้นเบียดแย่งแชมป์ลีก
เพราะถ้าหากพวกเขาสามารถคว้าแชมป์รายการนี้ได้ แน่นอนว่าโมเมนตัม และความฮึกเหิมในการสู้กับ แมนฯซิตี้ จะกลับมาทันที ในทางตรงกันข้ามหาก ยอดทีมแห่งถิ่นแอนฟิลด์ เกิดพลาดท่าโดนเชลซี ยัดเยียดความปราชัย มันอาจจะส่งผลกระทบต่อเนื่องทั้งในเกมลีก
และรวมไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกด้วย ขณะเดียวกัน ทูเคิ่ล กับลูกทีมของเขาก็มุ่งมั่นที่จะนำแชมป์มาประดับในตู้โชว์ของสโมสรเช่นกัน เพราะอย่างน้อยก็เพื่อเป็นของขวัญให้กับแฟนบอล เนื่องจากสโมสรต้องเจอวิกฤติภายนอก
สู้ไหวมั้ย จนทำให้ทีมระส่ำไปช่วงนึงก็ตาม ด้วยเหตุนี้โทรฟี่เอฟเอ คัพ จะเป็นขวัญกำลังใจให้กับสาวก สิงห์บลูส์ได้เป็นอย่างดี https://www.mmajacked.com